Toy Story 2 (1999) | ทอย สตอรี่ 2

หลังจากสี่ปีที่ภาคแรกสร้างปรากฏการณ์ “Toy Story 2” กลับมาพิสูจน์ว่า sequel สามารถเหนือกว่าต้นฉบับได้ ด้วยการยกระดับทั้ง storytelling, animation quality และ emotional complexity ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งใน greatest animated sequels ของทุกกาล เรื่องราวเริ่มต้นด้วย identity crisis ของวู้ดดี้ (ทอม แฮงก์ส) ที่ค้นพบความจริงเรื่องต้นกำเนิดของตัวเอง เมื่อเขาถูก Al McWhiggen (เวย์น ไนท์) เจ้าของร้าน Al’s Toy Barn และ collector ระดับ obsessive ลักพาตัวไป เพื่อเอาไปขายให้ Tokyo Toy Museum ในราคาหลักล้าน สิ่งที่ทำให้วู้ดดี้มีค่าขนาดนั้นคือการที่เขาเป็น rare collectible จาก TV show ยุค 50s ชื่อ “Woody’s Roundup” ซึ่งมี merchandise เซตครบเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ในอพาร์ตเมนต์ของ Al วู้ดดี้ได้พบกับ toy family ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน Jessie the Yodeling Cowgirl (จอน คิวแซ็ค) คาวเกิร์ลสุดสปิริตที่เต็มไปด้วยพลังและความกระตือรือร้น แต่ซ่อนความเศร้าโศกจากการถูกเจ้าของทิ้งไว้ใต้เตียงเป็นปีๆ Bullseye ม้าของเล่นที่ภักดีและเป็นมิตร และ Stinky Pete the Prospector (เคลซีย์ แกรมเมอร์) ตัวละครที่ดูดีแต่ซ่อนความมุ่งมั่นอันมืดมนไว้ข้างใน การค้นพบเรื่องราวของ Jessie ผ่านเพลง “When She Loved Me” กลายเป็นหนึ่งในฉากที่ heartbreaking ที่สุดในประวัติศาสตร์ Pixar เมื่อเราได้เห็นการที่ของเล่นถูกลืมเลือนจากความรักของเด็กที่เติบโตขึ้น มันทำให้วู้ดดี้เริ่มตั้งคำถามกับการเป็น Andy’s toy และกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะต้องเผชิญกับชะตากรรมเดียวกัน ในขณะเดียวกัน Buzz Lightyear (ทิม อัลเลน), Rex, Ham, Slinky Dog และ Mr. Potato Head ได้ออกเดินทาง rescue mission สุดอันตรายข้ามเมืองเพื่อช่วยเพื่อนรัก การเดินทางนำพวกเขาไปสู่ Al’s Toy Barn ซูเปอร์สโตร์ของเล่นที่เต็มไปด้วยอันตรายและความท้าทาย ที่ Al’s Toy Barn Buzz ได้เจอกับ Buzz Lightyear ตัวใหม่ที่ยังคิดว่าตัวเองเป็น space ranger ตัวจริง ทำให้เกิดฉาก comedy ที่ brilliant ขณะที่ Buzz ต้นฉบับพยายามทำให้เขาเข้าใจความจริง เหมือนที่ตัวเองเคยผ่านมาในภาคแรก แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือการที่วู้ดดี้ต้องเลือกระหว่างการไปญี่บุ่นเพื่อใช้ชีวิตในพิพิธภัณฑ์ที่จะทำให้เขา “immortal” และการกลับไปหาแอนดี้ที่วันหนึ่งอาจเติบโตขึ้นและไม่ต้องการเขาอีกต่อไป Pete ใช้ fear of abandonment นี้เป็นเครื่องมือจูงใจให้วู้ดดี้อยากไปญี่บุ่น การ์ตูนเรื่องนี้ได้สำรวจธีมลึกๆ เรื่อง purpose of existence, fear of being forgotten และคำถามว่าอะไรคือความหมายของชีวิตที่มีค่า ผ่าน character development ที่ซับซ้อนและ relatable กว่าหนังสำหรับผู้ใหญ่หลายเรื่อง ฉากแอ็คชั่นในสนามบินที่วู้ดดี้ต้องเลือกครั้งสุดท้ายระหว่างการขึ้นเครื่องบินไปญี่บุ่นหรือกลับไปหาแอนดี้ เป็นหนึ่งในฉาค climax ที่ thrilling ที่สุดของ Pixar ด้วย visual spectacle และ emotional stakes ที่สูงมาก แอนิเมชันในภาคนี้ได้รับการพัฒนาอย่างมหาศาล ตั้งแต่ texture ของเส้นใยผ้า, lighting effects, ไปจนถึงการเคลื่อนไหวที่ natural และ expressive มากขึ้น ฉากของ Al’s apartment และ Toy Barn ต่างมี detail ที่น่าทึ่งและเต็มไปด้วย Easter eggs สำหรับแฟนพันธุ์แท้ การใช้เสียงของ Joan Cusack ในบท Jessie เป็นการ casting ที่ perfect เพราะเธอสามารถถ่ายทอดทั้งความเปี่ยมพลังและความเจ็บปวดของตัวละครได้อย่างน่าเชื่อ ขณะที่ Kelsey Grammer ให้ความซับซ้อนกับ Stinky Pete ที่ดูเป็น mentor แต่เป็น antagonist ที่มี sympathetic motivation

แนวหนัง:
Animation, Family, Adventure, Comedy-Drama, Sequel, Computer Animation

**คำค้นหาภาษาไทย:**
**English Keywords:**