The Devil’s Own (1997) – ภารกิจล่าหักเหลี่ยม

ผลงานชิ้นสุดท้ายของผู้กำกับมือทอง อลัน เจ. ปากูลา ที่รวมพลังซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง แฮร์ริสัน ฟอร์ด และ แบรด พิตต์ ในบทบาทที่จะทำให้คุณต้องตั้งคำถามว่าใครคือผู้ร้ายและใครคือผู้ดี ในโลกที่ศีลธรรมและความยุติธรรมไม่ได้มีแค่สีขาวดำ เรื่องราวเริ่มต้นด้วยความเจ็บปวดสุดซึ้ง ในปี 1972 ณ ไอร์แลนด์เหนือ เด็กชายวัย 8 ขวบ แฟรนซิส “แฟรงกี้” แมคไกวร์ (แบรด พิตต์) กำลังทานอาหารเย็นอย่างอบอุ่นกับครอบครัว จู่ๆ มีชายหน้ากากบุกเข้ามาในบ้านและยิงพ่อของเขาตายต่อหน้าต่อตา เพียงเพราะพ่อเขาสนับสนุนอุดมการณ์เสรีภาพไอริช เหตุการณ์โหดร้ายนี้ฝังแน่นในใจเด็กน้อยและกลายเป็นเชื้อไฟแห่งความแค้นที่เผาไหม้จิตวิญญาณเขาไปตลอดชีวิต ย้อนมา 20 ปีต่อมา กันยายน 1992 แฟรงกี้โตเป็นหนุ่มและกลายเป็นนักสู้ IRA ผู้เกรียงไกร เขาสวมหน้ากากสกีและถืออาวุธอัตโนมัติลุยสนามรบในเบลฟาสต์ ชื่อของเขากลายเป็นตำนานความหวาดกลัว เมื่อเขาฆ่าทหารอังกฤษไปแล้ว 11 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 นาย และผู้คนที่จงรักภักดีต่ออังกฤษอีกมากมาย ในการปฏิบัติการครั้งหนึ่ง แฟรงกี้และเพื่อนสมาชิก IRA อีก 3 คนถูกหน่วยรบพิเศษอังกฤษและหน่วยสอดแนมซุ่มโจมตี การยิงกันเกิดขึ้นอย่างดุเดือด สมาชิก IRA 2 คนเสียชีวิต แต่แฟรงกี้และฌอน ฟีแลนหลบหนีรอดไปได้ หลังจากสังหารทหาร 3 นาย พลเรือน 1 คน และคู่อริอีก 4 คน ขณะหลบซ่อนตัวในชนบท แฟรงกี้เห็นเฮลิคอปเตอร์ทหารอังกฤษบินวนอยู่เหนือหัว เขาตระหนักว่า IRA ต้องการจรวดสติงเกอร์เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ และเพิ่มอัตราการรอดตายของสมาชิก ภารกิจสุดอันตรายจึงเริ่มต้นขึ้น 5 เดือนต่อมา แฟรงกี้เดินทางมาอเมริกาในนาม “รอรี่ เดวานีย์” คนงานก่อสร้างชาวไอริช เขาถูกรับโดยผู้พิพากษาปีเตอร์ ฟิตซิมมอนส์ (จอร์จ เฮิร์น) ผู้ลับๆ สนับสนุน IRA ผู้พิพากษาจัดให้เขาไปอาศัยกับ จ่าโทม โอมีรา (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) ตำรวจนิวยอร์กผู้ซื่อสัตย์ ภรรยาชีล่า (มาร์กาเร็ต โคลิน) และลูกสาวทั้ง 3 คน โทมเป็นตำรวจชาวไอริช-อเมริกันใจดี ที่เชื่อมั่นในความยุติธรรมและกฎหมาย เขาต้อนรับรอรี่เข้าบ้านอย่างอบอุ่น โดยไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เขาเอาใจใส่เหมือนลูกชายคนนี้ เป็นผู้ก่อการร้ายที่มีเลือดคนอเมริกันเปื้อนมือ ครอบครัวโอมีราให้ความรักและความอบอุ่นแก่แฟรงกี้ จนเขาเริ่มรู้สึกเหมือนได้ครอบครัวที่แท้จริงเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่แฟรงกี้ไม่ได้มาเที่ยวชม เขามาเพื่อซื้ออาวุธผิดกฎหมาย โดยเฉพาะจรวดสติงเกอร์ที่จะเอาไปใช้ ยิงเฮลิคอปเตอร์อังกฤษ ในไอร์แลนด์เหนือ เขาได้พบกับฌอน ฟีแลนเพื่อนเก่าที่มาอเมริกาก่อนและกำลังใช้ชีวิตเงียบสงบ ฌอนจัดหาเรือประมงขนาดใหญ่ไว้เพื่อขนส่งอาวุธกลับไอร์แลนด์ การอยู่ร่วมกับครอบครัวโอมีราทำให้แฟรงกี้เริ่มสั่นคลอน เขาเห็นความรักแท้ของคู่สามีภรรยา ความไร้เดียงสาของเด็กๆ และความซื่อสัตย์ของโทมที่ “เชื่อในระบบ” แม้ระบบนั้นจะไม่สมบูรณ์ แฟรงกี้เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ความแค้นที่เขาหอบหิ้วมานั้นคุ้มค่ากับการทำลายครอบครัวดีๆ หรือไม่ ความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเมื่อแฟรงกี้ได้พบกับ เมแกน (นาทาชา แมคเอลโฮน) เด็กสาวผู้อ่อนหวานที่ทำให้เขารู้สึกถึงความรักที่บริสุทธิ์ แต่แล้วอดีตก็ตามมาหา เมื่อคนของอังกฤษติดตามเขามาถึงอเมริกา และแก๊งอาชญากรที่เขาต้องติดต่อซื้ออาวุธกลับพยายามหลอกเขา เมื่อโทมเริ่มสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของรอรี่ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนจากพ่อลูกกลายเป็นนักล่าและเหยื่อ โทมต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางจิตใจอย่างหนัก ระหว่างหน้าที่ตำรวจกับความรักที่มีต่อชายหนุ่มที่เขาถือเป็นลูกชาย แฟรงกี้ก็เช่นกัน เขาต้องเลือกระหว่างอุดมการณ์แห่งการแก้แค้นกับความรักของครอบครัวใหม่ ระหว่างอดีตที่เจ็บปวดกับอนาคตที่อาจจะสวยงาม เขายังคงได้ยินเสียงปืนที่ฆ่าพ่อเขา แต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของลูกสาวโทมเวลาเล่นด้วยกัน การต่อสู้ครั้งสุดท้ายไม่ใช่แค่การไล่ล่าหรือการยิงกัน แต่เป็นการปะทะกันของสองหัวใจที่รักกัน แต่ถูกผลักดันโดยหน้าที่และความเชื่อที่แตกต่างกัน เป็นการต่อสู้ระหว่างความยุติธรรมส่วนตัวกับความยุติธรรมของสังคม The Devil’s Own ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นธรรมดา แต่เป็นบทเรียนทางศีลธรรมที่ซับซ้อน หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีใครที่ชั่วร้ายโดยสมบูรณ์ และไม่มีใครที่ดีโดยสมบูรณ์ ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง และทุกคนต่างต้องแบกรับผลของการเลือก ด้วยการถ่ายทำอันงดงามของ กอร์ดอน วิลลิส และดนตรีประกอบโศกเศร้าของ เจมส์ ฮอร์เนอร์ หนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นบทกวีแห่งความเศร้าเกี่ยวกับราคาของการแก้แค้น และความเป็นไปได้ของการให้อภัย