Princess Mononoke (1997) – เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร

ผลงานชิ้นเอกสุดยิ่งใหญ่ของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่ใช้เวลา 16 ปีในการพัฒนาไอเดีย และ 3 ปีในการผลิต จนกลายเป็นหนังแอนิเมชั่นที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ญี่ปุ่นในขณะนั้น ด้วยงบประมาณสุดหรู 2.35 พันล้านเยน เรื่องราวมหากาพย์แฟนตาซีเรื่องนี้พาเราย้อนกลับไปสู่ยุค มุโรมาชิ ช่วงปลายสมัยกลางของญี่ปุ่น ที่ซึ่งป่าโบราณยังคงปกคลุมแผ่นดิน และเทพเจ้าแห่งธรรมชาติยังคงสถิตอยู่ เรื่องราวเริ่มต้นจาก อาชิตากะ (โยจิ มัตสึดะ) เจ้าชายหนุ่มของชนเผ่า เอมิชิ โบราณ ผู้ที่กลายเป็นเหยื่อของคำสาปสยองขวัญ เมื่อป้องกันหมู่บ้านจากการโจมตีของเทพหมูป่าผีที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น คำสาปนี้ทำให้แขนข้างหนึ่งของเขาได้รับพลังเหนือธรรมชาติ แต่มาพร้อมกับความเจ็บปวดที่ค่อยๆ กัดกร่อนชีวิต และหากไม่สามารถหาทางรักษาได้ในเวลาอันสั้น เขาจะต้องตายอย่างทรมาน ด้วยคำแนะนำจากหญิงชราผู้เป็นนักพยากรณ์ อาชิตากะจึงออกเดินทางสู่ดินแดนตะวันตก เพื่อตามหาวิญญาณป่าใหญ่ผู้เดียวที่สามารถถอนคำสาปได้ การเดินทางของเขานำไปสู่การค้นพบ “ไอรอนทาวน์” หรือเมืองเหล็ก ชุมชนที่มั่งคั่งภายใต้การนำของ เลดี้ เอโบชิ (ยูโกะ ทานากะ) ผู้หญิงเหล็กกร้าวที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า แต่ปฏิบัติการของเธอในการตัดไผ่และทำลายป่าเพื่อผลิตเหล็กนั้นได้จุดประกายสงครามระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้าแห่งป่า ในหัวใจของสงครามนี้คือ ซาน (ยูริโกะ อิชิดะ) หรือที่รู้จักในนาม “เจ้าหญิงโมโนโนเกะ” เด็กหญิงผู้ถูกเลี้ยงดูโดยหมาป่าและกลายเป็นส่วนหนึ่งของป่าไผ่ เธอเป็นลูกบุญธรรมของ โมโระ (อากิฮิโระ มิวะ) เทพีหมาป่าสามหัวผู้ยิ่งใหญ่ ซานเกลียดชังมนุษย์อย่างสุดซึ้งและปฏิญาณตนว่าจะปกป้องป่าจากการถูกทำลาย แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของเธอเอง
ความขัดแย้งยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเลดี้ เอโบชิวางแผนฆ่าเทพกวางผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าแห่งป่าและผู้ให้กำเนิดชีวิต เธอเชื่อว่าการฆ่าเทพกวางจะทำให้ป่าแปลงกลายเป็นดินแดนที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย และทำให้เทพเจ้าอื่นๆ กลายเป็นสัตว์ธรรมดา ขณะที่ซานและชาวป่าต่างมุ่งมั่นที่จะหยุดยั้งแผนการอันชั่วร้ายนี้ อาชิตากะพบว่าตัวเองติดอยู่ตรงกลางของความขัดแย้งทางศีลธรรมที่ซับซ้อน เขาเห็นความดีในทั้งสองฝ่าย เลดี้ เอโบชิไม่ใช่ผู้ร้ายในแง่แท้จริง เธอให้ที่พักพิงแก่คนยากจน ผู้หญิงที่ถูกกดขี่ และผู้ป่วยโรคเรื้อน ขณะที่ซานและชาวป่าก็เพียงแค่ต้องการปกป้องบ้านของพวกเขา การที่อาชิตากะพยายามสร้างสันติภาพระหว่างสองฝ่ายทำให้เขาถูกมองว่าเป็นศัตรูจากทั้งสองข้าง การผจญภัยของเขานำไปสู่การพบกับสิ่งมีชีวิตน่าอัศจรรย์มากมาย ตั้งแต่ โคดามะ วิญญาณป่าตัวเล็กๆ ที่เป็นเหมือนแสงสว่างในความมืด ไปจนถึงเทพหมีขนาดมหึมา และเทพกบยักษ์ ที่ต่างปกป้องป่าด้วยความดุดัน โลกของมิยาซากิเต็มไปด้วยความงดงามและความน่าเกรงขามไปพร้อมกัน ทุกเฟรมของแอนิเมชั่นถูกวาดด้วยมืออย่างประณีต จนทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เดินเข้าไปในโลกเวทมนตร์จริงๆ แต่ Princess Mononoke ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราวแฟนตาซีธรรมดา มันเป็นข้อคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ การพัฒนาเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับการทำลาย ความซับซ้อนของศีลธรรม และการที่ความจริงไม่ได้มีแค่ขาวดำ มิยาซากิแสดงให้เห็นว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์เป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยดนตรีประกอบอันไพเราะจาก โจ ฮิไซชิ และการใช้เทคนิค CGI ครั้งแรกของสตูดิโอ Ghibli ที่ผสมผสานกับแอนิเมชั่นแบบดั้งเดิม Princess Mononoke กลายเป็นผลงานเหนือกาลเวลา ที่ยืนหยัดเป็นมาตรฐานของภาพยนตร์แอนิเมชั่นระดับโลก หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีวีรบุรุษหรือคนร้ายแบบดั้งเดิม แต่เป็นการสำรวจความเป็นมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ ที่ทำให้ผู้ชมได้คิดและตั้งคำถามกับตัวเองว่า หากเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เราจะเลือกทำอย่างไร?