Nandor Fodor and the Talking Mongoose (2023)
Nandor Fodor and the Talking Mongoose (2023)
ลอนดอน ปี 1935 เมื่อโลกกำลังเปลี่ยนแปลงและวิทยาศาสตร์ต่อสู้กับความเชื่อโบราณ Dr. Nandor Fodor (Simon Pegg) นักจิตวิทยาพิสูจน์ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติชื่อดัง กำลังเผชิญกับคดีที่แปลกประหลาดที่สุดในอาชีพของเขา เมื่อมีจดหมายร้องขอความช่วยเหลือส่งมาจาก Isle of Man เกี่ยวกับครอบครัวที่อ้างว่าสามารถสื่อสารกับ “มังกี้พูดได้” ชื่อ Gef (ออกเสียงว่า “เจฟ”) ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้มีหลักการ Fodor มักจะเข้าไปสืบสวนปรากฏการณ์เหล่านี้เพื่อเปิดเผยความจริงและอธิบายสาเหตุทางจิตวิทยาที่ทำให้ผู้คนหลงเชื่อสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง แต่เมื่อ Dr. Harry Price (Christopher Lloyd) เพื่อนนักวิทยาศาสตร์ผู้น่าเชื่อถือติดต่อมาเล่าเรื่องแปลกนี้ด้วยความจริงจัง ทำให้ Fodor ตัดสินใจเดินทางไปสืบสวนด้วยตนเองพร้อมกับ Anne (Minnie Driver) ผู้ช่วยผู้ซื่อสัตย์ของเขา เมื่อมาถึง Isle of Man พวกเขาได้พบกับครอบครัว Irving ผู้ดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาทั่วไป James Irving (Tim Downie) พ่อผู้มีฐานะดี ภรรยาของเขา (Ruth Connell) และลูกสาววัย 17 ปีชื่อ Voirrey ผู้ที่มีความสามารถพิเศษในการพูดท้องด้วย ครอบครัวนี้อ้างว่า Gef อาศัยอยู่ในฟาร์มของพวกเขา สามารถพูดคุย ทำนายอนาคต อ่านบทกวี และแม้กระทั่งโทรศัพท์ได้ สิ่งที่น่าสนใจคือชาวเกาะส่วนใหญ่เชื่อมั่นในการมีอยู่ของ Gef อย่างแท้จริง แม้ว่าการพบเห็นตัวจริงจะเป็นเรื่องยากมาก โดยมากจะเป็นเพียงการมองเห็นเงาหรือขนสัตว์อย่างรวดเร็วเท่านั้น ขณะที่เสียงของ Gef (พากย์เสียงโดย Neil Gaiman) กลับดังชัดเจนและฉลาดหลักแหลม ในขณะที่ Fodor เริ่มเจาะลึกการสืบสวน เขาพบว่าทุกคนในชุมชนดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้น Errol (Gary Beadle) คนงานในฟาร์มเป็นคนเดียวที่ไม่เชื่อในการมีอยู่ของ Gef และบอกกับ Fodor ว่า “ไม่มี Gef จริง ๆ” แต่เขากลับให้เหตุผลที่น่าสนใจว่า “ทุกคนต้องการความสุข” และบางทีการปล่อยให้คนเชื่อในสิ่งที่พวกเขาต้องการเชื่ออาจจะดีกว่า เมื่อการสืบสวนดำเนินไป Fodor เริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพบว่า Voirrey เป็นนักพูดท้องที่มีความสามารถสูง ทำให้เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยหลักหากเรื่องนี้เป็นการหลอกลวง แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อมีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นที่ท้าทายความเข้าใจของ Fodor อย่างรุนแรง คืนหนึ่ง Fodor ได้รับสายโทรศัพท์จาก Gef ที่พูดซ้ำคำสุดท้ายที่พ่อของเขาพูดก่อนที่เขาจะจากฮังการี (“ฉันจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว”) ซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากเขาเอง และ Gef ยังประกาศว่าจะปรากฏตัวให้เขาเห็นในวันรุ่งขึ้น ภาพยนตร์นำเสนอคำถามอันลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติของความจริง ความเชื่อ และการรับรู้ มันไม่ใช่แค่เรื่องเกี่ยวกับการแก้ปริศนาของมังกี้พูดได้ แต่เป็นการสำรวจปัญหาที่เรายังคงถกเถียงกันในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวปลอม หรือการแบ่งแยกทางความคิด ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือความจริง และความรู้นั้นต่างจากความเชื่ออย่างไร ผ่านบรรยากาศของยุค 1930s ที่สร้างขึ้นอย่างประณีต การแสดงที่ล้ำลึกของ Simon Pegg และความลึกลับที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ภาพยนตร์ท้าทายผู้ชมให้คิดเกี่ยวกับขอบเขตของการรับรู้ของมนุษย์ และอาจจะทำให้เราตั้งคำถามว่า บางครั้งการเชื่อในสิ่งที่เราไม่เข้าใจอาจจะสำคัญกว่าการพิสูจน์ว่ามันผิด เมื่อ Fodor เผชิญหน้ากับความเป็นไปได้ที่ว่า Gef อาจจะมีอยู่จริง ทั้งนักวิทยาศาสตร์และผู้ชมต้องเลือกระหว่างการยึดมั่นในหลักเหตุผลหรือเปิดใจรับฟังความเป็นไปได้ที่อยู่เหนือการเข้าใจ
แนวหนัง: Comedy, Mystery, Drama, Supernatural, Period Film
Be the first to comment