Honey Boy (2019) – เด็กชายผิวสีน้ำผึ้ง

เรื่องจริงที่เจ็บปวดยิ่งกว่าหนัง จากชีวิตส่วนตัวของ ชายา ลาบัฟ ที่เขาเขียนบทขณะรักษาตัวในสถานบำบัด กลายเป็นภาพยนตร์ กึ่งอัตชีวประวัติ ชิ้นเอกที่จะทำให้คุณต้องทบทวนทุกสิ่งที่เคยรู้เกี่ยวกับ ดาราเด็ก และ ความมืดมิดเบื้องหลังแสงไฟระยิบระยับของ Hollywood เรื่องราวเริ่มต้นในปี 2005 เมื่อ โอทิส ลอร์ต (ลูคัส เฮดเจส์) ดาราหนุ่มรุ่งดาวและดูดื่มหนัก ประสบอุบัติเหตุรถยนต์และเข้าไปพัวพันกับการทะเลาะวิวาทกับตำรวจอย่างรุนแรง ศาลสั่งให้เขาเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาล หากเขาออกก่อนกำหนด จะต้องติดคุกทันที ที่นั่น ดร.โมเรโน่ (ลอร่า ซาน จิอาโคโม) จิตแพทย์ผู้บำบัด วินิจฉัยว่าเขาเป็น PTSD ซึ่งโอทิสปฏิเสธอย่างแรง เขาไม่ใช่ทหาร แล้วจะบาดเจ็บทางจิตใจจากอะไร? เมื่อถูกผลักดันให้เจาะลึกอดีต โอทิสเริ่มหวนกลับไปยังช่วงเวลาเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ย้อนไปเมื่อปี 1995 เขาในวัย 12 ปี (โนอาห์ จูป) ขณะที่เป็นดาราเด็กขาขึ้นในรายการทีวี ต้องใช้ชีวิตอยู่กับ เจมส์ (ชายา ลาบัฟ) พ่อของเขา อดีตนักแสดงตลกที่เวทีโรเดโอผู้มีปัญหาและไม่เหมาะสมกับการเป็นพ่อ การที่ลาบัฟเลือกแสดงเป็นพ่อของตัวเองในหนังนี้เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญและเจ็บปวด ไม่ใช่แค่การแสดง แต่เป็นการบำบัดผ่านศิลปะ เขาต้องเข้าใจและให้อภัยชายผู้ที่ทำร้ายเขาตั้งแต่เด็ก ด้วยการสวมบทบาทของเขา เจมส์ เป็นชายที่เลิกเหล้าได้ 4 ปี แต่ยังคงมีอารมณ์ขุ่นมัว ลึกๆ แล้วเขาเจ็บปวดและอิจฉาลูกชายที่ประสบความสำเร็จ ทั้งคู่อาศัยอยู่ในโมเทลเก่าๆ ที่ขยะขยายในลอสแองเจลิส ที่ซึ่งพ่อและลูกต้องแบ่งปันพื้นที่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความเครียดและการระเบิดของอารมณ์ ชีวิตประจำวันของพวกเขาถูกควบคุมโดยตารางการถ่ายทำของโอทิส แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในโมเทลต่างหาก คือหัวใจของเรื่อง เจมส์มองหาข้อบกพร่องในตัวลูกชายอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้วิจารณ์และดูถูก ขณะที่โอทิสที่เรียบร้อยและฉลาดต้องเตรียมตัวรับมือกับการโจมตีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งด้วยคำพูดและความรุนแรงทางร่างกาย ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นการถูกกักขังร่วมกัน โอทิสต้องการความรักและการยอมรับจากพ่อ แต่เจมส์มองการเป็นพ่อเป็นเหมือนเกมที่ผู้ชนะต้องมีคนแพ้ การให้อะไรแก่ลูกชายเท่ากับการเอาสิ่งสำคัญออกจากตัวเขาเอง ในใจลึกๆ เขารู้ว่าลูกชายเป็นแหล่งรายได้และทำให้เขามีที่ยืนในฮอลลีวูด แต่เขาก็ไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ มีเพื่อนบ้านสาว (FKA Twigs) ที่อาศัยอยู่ตรงข้ามโมเทล เธอกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของโอทิส และเป็นเหมือนแสงสว่างเล็กๆ ในความมืดมิดของเขา ฉากที่พวกเขาเล่นละครใบ้เบสบอลด้วยกันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาบริสุทธิ์ไม่กี่ครั้งในหนังเรื่องนี้ โอทิสต้องปกป้องพ่อด้วการโกหกเจ้าหน้าที่ในกอง เมื่อเจมส์ไม่มารับ เขาต้องขโมยอาหารจากกองถ่ายเมื่อคนอื่นกลับบ้านหมดแล้ว เขาต้องท่องบทสำหรับรายการที่ดูไร้คุณภาพ และทำทุกอย่างเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของครอบครัวที่เรียบร้อย การทำงานร่วมกันระหว่างผู้กำกับหญิง อัลมา ฮาร์-เอล และลาบัฟ ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสำนึกผิดหรือการแก้ต่างตัวเอง แต่กลายเป็นการสำรวจความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก และผลกระทบของชื่อเสียงตั้งแต่เด็กต่อจิตใจ หนังตัดกลับไปมาระหว่างสองช่วงเวลา แสดงให้เห็นว่าความเจ็บปวดในวัยเด็กส่งผลต่อการดื่มและพฤติกรรมก้าวร้าวในวัยผู้ใหญ่อย่างไร การที่โอทิสรู้สึกโกรธตลอดเวลา และไม่สามารถเชื่อมต่อกับผู้อื่นได้อย่างแท้จริง เป็นผลมาจากการที่เขาต้องเป็นผู้ใหญ่เร็วเกินไปและขาดความรักที่ไม่มีเงื่อนไข Honey Boy เป็นมากกว่าหนังชีวประวัติ มันเป็นการบำบัดผ่านศิลปะ การใช้ภาพยนตร์เป็นเครื่องมือในการเยียวยาจิตใจ และการพยายามเข้าใจผู้ที่ทำร้ายเรา แทนที่จะเพียงแค่โทษเขา การแสดงของลาบัฟในบทพ่อของตัวเองถือเป็นการกระทำที่กล้าหาญที่ไม่ค่อยมีใครทำ
หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าความเจ็บปวดสามารถกลายเป็นศิลปะได้ และการให้อภัยไม่ได้หมายความว่าต้องลืม แต่หมายถึงการเข้าใจและก้าวต่อไป