Do Not Disturb (2023) ห้ามรบกวน

เมื่อความเหงาและโรคซึมเศร้าหลังโควิดกลายเป็นความบ้าคลั่งอันเงียบสงบ “Do Not Disturb” นำเสนอเรื่องราวที่ทั้งขบขันและน่าสะเทือนใจของ อายเซก หรือ เมติน (เจม ยืลมาซ) ชายวัยกลางคนผู้สูญเสียงานเป็นพนักงานเสิร์ฟบนเรือเฟอร์รี่เนื่องจากการระบาดใหญ่ และตกอยู่ในห้วงมืดแห่งการว่างงานมากว่าสองปี อายเซกพยายามปรับชีวิตตามคำแนะนำของ เปรี เซินเมซ อินฟลูเอนเซอร์สาวผู้เป็นครูสอนแนวคิดเชิงบวกบนโซเชียลมีเดีย เขาตัดขาดจากเพื่อนเก่าทั้งหมดตามที่เปรีแนะนำว่าเป็น “คนพิษ” และปิดตัวเองอยู่แต่ในห้องพร้อมกับเฝ้าดูวิดีโอของเธอซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งแม่ของเขาบังคับให้หางานทำ เขาจึงได้รับโอกาสทำงานเป็นผู้จัดการกะดึกของโรงแรม โคโมดอร์ คืนแรกที่ทำงาน ซึ่งควรจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของชีวิต กลับกลายเป็นฝันร้ายสุดหลอนเมื่ออายเซกต้องเผชิญกับแขกประหลาดหลากหลายแบบ ตั้งแต่ ซูฮาล (นิลเปรี ชาฮินคายา) พนักงานทำความสะอาดสาวที่ฝันอยากเป็นศิลปิน ไปจนถึง บาห์ติยาร์ (เซลาล คาดรี คิโนกลู) นักดนตรีแจ๊สผู้มีปัญหาทางจิตและเสพติดยา แต่ละคนต่างมีเรื่องราวความเจ็บปวดและความรุนแรงที่ซ่อนเร้นไว้ ขณะที่คืนเนิ่นนานไป เส้นแบ่งระหว่างความจริงและจินตนาการของอายเซกเริ่มพร่ามัว เขาเริ่มคุยกับภาพลวงตาของเปรีที่ปรากฏตัวขึ้นมาในหัวของเขา และรู้สึกเหมือนเธอกำลังควบคุมทุกการกระทำของเขา สิ่งที่เริ่มต้นเป็นคอมเมดี้เบาๆ ค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่ดราม่าจิตวิทยาที่เข้มข้น เมื่อความจริงสุดช็อกเกี่ยวกับเปรีถูกเปิดเผย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการสำรวจอย่างลึกซึ้งถึงผลกระทบของโซเชียลมีเดียต่อสุขภาพจิต ความเหงาในยุคดิจิทัล และวิธีที่ผู้คนพยายามหลบหนีจากความเจ็บปวดด้วยการสร้างจริงแต่งเท็จ ด้วยการกำกับและการแสดงนำของเจม ยืลมาซ ที่ผสมผสานความขบขันเข้ากับความมืดมนได้อย่างชาญฉลาด “Do Not Disturb” ไม่เพียงแค่เป็นหนังที่ให้ความบันเทิง แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนสังคมที่บอกเราว่า บางครั้งการปิดตัวเองและใส่ป้าย “ห้ามรบกวน” อาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด และคำตอบที่แท้จริงอาจจะอยู่ที่การเปิดใจรับการช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เตรียมพบกับคืนหนึ่งที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง คืนที่ความเงียบกลายเป็นเสียงกรีดร้อง ความสงบกลายเป็นความวุ่นวาย และการหลีกเลี่ยงปัญหากลายเป็นการเผชิญหน้ากับความจริงที่เจ็บปวดที่สุด

แนวหนัง:
ดาร์กคอมเมดี้ ดราม่า จิตวิทยา (Dark Comedy, Drama, Psychological Thriller)