Candyman (2021) ไอ้มือตะขอ

หลายทศวรรษหลังจากที่อาคารสูงของ Cabrini-Green ถูกทุบทิ้ง ตำนานเมืองที่น่าขนลุกยังคงสะท้อนอยู่ในเงาแห่งอดีต รอคอยการปลุกเสกจากคนที่กล้าท้าทายความตาย Anthony McCoy (Yahya Abdul-Mateen II) ศิลปินชาวชิคาโกที่กำลังดิ้นรนหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในลอฟต์หรูใน Cabrini-Green ที่ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงใหม่และกลายเป็นย่านสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีฐานะดี ร่วมกับ Brianna Cartwright (Teyonah Parris) แฟนสาวที่ทำงานเป็นผู้อำนวยการแกลเลอรี่ สิ่งที่เหลืออยู่จาก Cabrini-Green แห่งอดีตคือบ้านแถวสองชั้นที่ถูกทิ้งร้างและทรุดโทรม ซึ่งเป็นเงาของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ผู้คนผิวขาวบังคับให้คนผิวดำเข้าไปอยู่ในโครงการที่อยู่อาศัย แล้วจึงนำพวกเขาออกมาอีกครั้งในวงจรแห่งการครอบงำพื้นที่ (gentrification) การเผชิญหน้าโดยบังเอิญกับ William Burke (Colman Domingo) ผู้อาศัยเก่าในย่าน Cabrini-Green ทำให้ Anthony ได้เรียนรู้เรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวเบื้องหลังตำนาน Candyman ที่แท้จริง Burke เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ Sherman Fields ชายผิวดำไร้บ้านที่มีมือข้างหนึ่งเป็นตะขอ ซึ่งมักแจกขนมให้เด็กๆ ในย่านนี้ ในปี 1977 เมื่อใบมีดโกนเริ่มปรากฏในขนมของเด็กๆ ผู้คนจึงโทษ Sherman Fields โดยไม่มีหลักฐาน เมื่อตำรวจพบเขา พวกเขายิงเขาตายทันทีโดยไม่มีการพิจารณาคดี ความบริสุทธิ์ของเขาถูกพิสูจน์เพียงสัปดาห์หลังจากการตายเมื่อใบมีดโกนยังคงปรากฏในขนมต่อไป ตำนานเมืองของ Candyman เกิดขึ้นจากเถ้าถ่านแห่งความอยุติธรรมนี้ แต่ Candyman ไม่ใช่แค่คนเดียว Burke อธิบายว่า “เขาคือรังผึ้งทั้งลูก” – เป็นสัญลักษณ์ของความบอบช้ำทางเชื้อชาติที่สะสมกันมาหลายรุ่นคน Anthony ซึ่งกระหายที่จะใช้รายละเอียดอันน่าสะพรึงเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพของเขา ได้เปิดประตูสู่อดีตที่ซับซ้อนโดยไม่รู้ตัว สิ่งนี้ทำให้สติของเขาเริ่มคลี่คลาย และปลดปล่อยคลื่นความรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัว ภาพยนตร์ใช้เทคนิคหุ่นเงาจาก Manual Cinema ในการเล่าเรื่องราวในอดีต สร้างบรรยากาศที่ทั้งสวยงามและน่าขนลุก ผู้กำกับ Nia DaCosta และ Jordan Peele เลือกใช้หุ่นเงาเพราะต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ flashback แบบดั้งเดิม การปรากฏตัวของ Candyman ยังคงตามกฎเก่า – พูดชื่อเขาห้าครั้งหน้ากระจก และเขาจะมา พร้อมกับมือตะขอและฝูงผึ้งที่ติดตามเขาไป สัญลักษณ์ผึ้งและรังผึ้งเชื่อมโยงกลับไปสู่ Candyman ดั้งเดิมที่ถูกทาน้ำผึ้งและถูกผึ้งนับร้อยตัวโจมตี ที่น่าสนใจคือ Anthony มีความเชื่อมโยงลึกลับกับ Cabrini-Green และตำนาน Candyman มากกว่าที่เขารู้ ขณะที่เขาเจาะลึกเข้าไปในเรื่องราวนี้ เขาเริ่มประสบกับประสบการณ์เหนือธรรมชาติและการหลอนที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการเริ่มพร่ามัว Brianna ต้องเฝ้าดูคนรักของเธอค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่น่ากลัว ขณะที่ Anthony กลายเป็นหมกมุ่นกับตำนานและเริ่มแสดงพฤติกรรมที่แปลกประหลาด ภาพยนตร์นำเสนอการวิจารณ์สังคมอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว ความอยุติธรรมของระบบ และผลกระทบของ gentrification ต่อชุมชนคนผิวดำ DaCosta ไม่เพียงแต่สร้างหนังสยองขวัญ แต่ยังสะท้อนความเจ็บปวดและความบอบช้ำทางประวัติศาสตร์ การแสดงของ Yahya Abdul-Mateen II สร้างความประทับใจในบทบาทของชายหนุ่มที่ต้องเผชิญหน้ากับมรดกแห่งความรุนแรงที่เขาไม่เคยรู้ ขณะที่ Teyonah Parris แสดงได้อย่างน่าเชื่อในบทหญิงสาวที่พยายามช่วยเหลือคนรักให้พ้นจากอำนาจแห่งความมืด เสียงประกอบของ Robert Aiki Aubrey Lowe ใช้การบันทึกเสียงจริงจาก Cabrini-Green ผสมกับเสียงสังเคราะห์ สร้างบรรยากาศที่หลอนและน่าขนลุก Tony Todd กลับมารับบท Candyman อีกครั้ง พร้อมกับ Vanessa Williams และ Virginia Madsen ที่กลับมาจากภาคแรก เชื่อมโยงอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกัน สิ่งที่ Anthony ไม่รู้คือการที่เขาเปิดประตูสู่อดีตนี้จะทำให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนานที่เขากำลังศึกษาอยู่ การแสวงหาความจริงเบื้องหลัง Candyman จะนำเขาไปสู่การค้นพบที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาตลอดกาล ในโลกที่ตำนานเมืองยังคงมีชีวิตและสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้ Anthony จะสามารถเอาชนะพลังแห่งความมืดที่กำลังครอบงำเขาได้หรือไม่? หรือเขาจะกลายเป็น Candyman คนใหม่ที่จะสืบทอดมรดกแห่งความน่าสะพรึงกลัวต่อไป?

แนวหนัง
Supernatural Horror, Urban Legend Thriller, Social Commentary Horror, Psychological Terror, Gentrification Drama