Cassandro (2023)

ในสายลมร้อนแผ่วใสของเอล ปาโซ เท็กซัส ช่วงปลายทศวรรษ 1980s เซา อาร์เมนดาริซ (กาเอล การ์เซีย เบอร์นาล) หนุ่มเม็กซิกัน-อเมริกันผู้มีรสนิยมแปลกแหวกแนว ใช้ชีวิตข้ามไปมาระหว่างสองเมือง เพื่อไล่ตามความฝันในโลกของลูชา ลิเบร์ (Lucha Libre) กีฬาปล้ำประจำชาติเม็กซิโกที่เต็มไปด้วยความโชว์แมนชิปและละครใต้สังเวียน เขาอาศัยอยู่กับ โยคาสตา (เปอร์ลา เดอ ลา โรซา) แม่สาวผู้เข้าแข็งแกร่งที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจและเป็นฐานใจอันแน่วแน่ หลังจากพ่อผู้ไม่สามารถยอมรับลูกชายเกย์ของตัวเองได้ทิ้งครอบครัวไป ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างเซาและแม่กลายเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิต พวกเขาทำงานหนักหลายอาชีพเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง ขณะที่เซาสานฝันการเป็นนักปล้ำมืออาชีพ ใต้ชื่อ “เอล โทโป” (The Mole) ในสังเวียนเล็กๆ ของซิอูดัด ฮัวเรซ ที่เขามักจะถูกจับมาเป็นตุ๊กตาหฤหรรษ์ให้กับนักสู้ตัวใหญ่เช่น ฮิกันติโก แม้จะมีร่างกายเล็กกว่าคู่ต่อสู้ แต่เซาไม่เคยท้อใจกับการแพ้ เขาผิดหวังมากกว่าที่การต่อสู้ขาดความเป็น “ศิลปะ” ขาดความตื่นเต้นและความแปลกใหม่ที่เขาเชื่อว่าลูชา ลิเบร์ควรจะมี เมื่อได้พบกับ ซาบรีนา (โรเบอร์ตา โคลินเดรซ) ผู้หญิงนักปล้ำที่ปล้ำในชื่อ “เลดี้ อานาร์เกีย” เธอมองเห็นศักยภาพในตัวเขาและเสนอให้เขาเปลี่ยนแปลงการแสดงอย่างสิ้นเชิง ซาบรีนาแนะนำให้เซาละทิ้ง เอล โทโป และเริ่มต้นใหม่ในฐานะ “เอ็กโซติโก” (Exótico) ตัวละครที่มีความระบึงระบั่วและเป็นเอกลักษณ์ในลูชา ลิเบร์ ผู้ที่มักจะแต่งตัวอย่างแรงและมีพฤติกรรมแบบผู้หญิง แต่โดยปกติจะแพ้และถูกเหยียดหยามจากผู้ชม เซาได้สร้างตัวตนใหม่ชื่อ “คาซซานโดร” (Cassandro) นักปล้ำเอ็กโซติโกที่จะกลายเป็น “ลิเบราเซ่แห่งลูชา ลิเบร์” ผู้พลิกโฉมการรับรู้ของคนต่อเพศสภาพและการแสดงในกีฬาผู้ชาย ภายใต้การฝึกอบรมของซาบรีนา คาซซานโดรเริ่มพัฒนาทักษะการต่อสู้ด้วยความเร็ว ไหวพริบ และความกล้าหาญ เขาไม่ได้พึ่งแค่พลังกำลัง แต่ใช้ศิลปะแห่งการบันเทิงและความฉลาดในการเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่า คาซซานโดรเริ่มดึงดูดความสนใจของ ลอเรนโซ (โฮอากิน โคซิโอ) ผู้จัดการแข่งขันผู้ลึกลับ และ เฟลิเป (แบด บันนี่) ผู้ช่วยหนุ่มงามที่มีเสน่ห์ลึกลับ สิ่งที่ทำให้คาซซานโดรแตกต่างคือความมั่นใจในตัวตนที่แท้จริง ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงความดูหมิ่นเป็นเสียงเชียร์ และการใช้เสน่ห์ส่วนตัวมาสร้างการแสดงที่น่าประทับใจ เขาเริ่มสวมเครื่องแต่งกายที่หรูหราและมีสีสัน ใช้เพลงป๊อปยุค 80s เป็นเพลงประจำตัว และสร้างการแสดงที่ผสมผสานระหว่างการต่อสู้กับการเป็นนักแสดง ท่ามกลางความสำเร็จที่เพิ่มขึ้น เซายังคงต้องเผชิญกับความซับซ้อนในชีวิตส่วนตัว ความสัมพันธ์ที่ลับๆ กับ เฮรารโด (ราอูล คาสติลโล) นักปล้ำแต่งงานแล้วที่ยังไม่พร้อมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง และ “ปัญหาพ่อ” ที่ยังคงหลอกหลอนใจเขาอยู่ เมื่อพ่อผู้เคร่งศาสนาและอคติที่ปฏิเสธเขาตั้งแต่เด็ก (โรเบิร์ต ซาลาส) ยังคงเป็นบาดแผลที่ไม่หาย การเดินทางสู่ความสำเร็จของคาซซานโดรไม่ได้ราบรื่น เขาต้องเผชิญกับการเหยียดเพศ ความรุนแรง และอคติทางสังคมในกีฬาที่เน้นความเป็นผู้ชาย แต่ด้วยความกล้าหาญในการเป็นตัวของตัวเอง และการสนับสนุนจากคนที่รักเขา เขาค่อยๆ เปลี่ยนเสียงโบ๊เป็นเสียงเชียร์ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับชุมชน LGBTQ+ ในเม็กซิโกและอเมริกา เมื่อคาซซานโดรได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิและการยอมรับความแตกต่าง แต่ความสำเร็จมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย ทั้งในด้านสุขภาพ ความสัมพันธ์ส่วนตัว และความกดดันจากการเป็นตัวแทนของกลุ่มคน การเดินทางของเขาจึงเป็นการเดินทางแห่งการค้นพบตัวตน การยอมรับในสิ่งที่เป็น และการใช้เสียงของตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก ผลงานเรื่องแรกของ โรเจอร์ รอสส์ วิลเลียมส์ ในฐานะผู้กำกับหนังเรื่องยาว หลังจากทำงานสารคดีมาอย่างยาวนาน การกำกับที่มีรากฐานจากสารคดีนำมาซึ่งความสมจริงและความถึงอารมณ์ การแสดงสุดยอดของกาเอล การ์เซีย เบอร์นาล ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา ผสมผสานกับเพลงป๊อปยุค 80s และการออกแบบเครื่องแต่งกายที่อลังการ สร้างประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่ทั้งสนุกสนานและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

แนวหนัง:
Biographical Drama, Sports Drama, LGBTQ+ Cinema, Cultural Drama