The Purge: Election Year (2016) คืนอำมหิต ปีเลือกตั้งโหด
The Purge: Election Year (2016) คืนอำมหิต ปีเลือกตั้งโหด
เมื่อการเมืองและความรุนแรงบรรจบกันในคืนที่โหดร้ายที่สุดของอเมริกา “The Purge: Election Year” ยกระดับแฟรนไชส์สู่จุดสูงสุดด้วยการผสมผสานระหว่างความสยองขวัญและการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองที่แหลมคมและเฉียบขาด สิบแปดปีหลังจากคืนโหดร้ายที่คร่าชีวิตครอบครัวของเธอไป วุฒิสมาชิก ชาร์ลี โร่าน (อลิซาเบธ มิทเชลล์) ได้กลายเป็นผู้นำการต่อต้าน Purge ที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยแพลตฟอร์มการเลือกตั้งที่ชัดเจน นั่นคือการยกเลิก “คืนอำมหิต” ให้หมดไปจากอเมริกาตลอดกาล เธอได้รับความนิยมท่วมท้นและกำลังจะเอาชนะคู่แข่งจาก New Founding Fathers of America (NFFA) ได้อย่างง่ายดาย แต่ NFFA ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พวกเขาปรับเปลี่ยนกฎของ Purge ในครั้งนี้ โดยยกเลิกความคุ้มกันของเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูง เพื่อให้สามารถลอบสังหารวุฒิสมาชิกโร่านได้ในคืน Purge ก่อนการเลือกตั้ง ลีโอ บาร์นส์ (แฟรงค์ กริลโล) อดีตตำรวจผู้กลายเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของวุฒิสมาชิกโร่าน ต้องเผชิญกับภารกิจที่ยากที่สุดในชีวิต การปกป้องผูกนำต่อต้าน Purge ให้รอดปลอดภัยผ่านคืนสุดอันตรายนี้ แต่แผนการที่สมบูรณ์แบบของเขากลับล่มสลายเมื่อมีการหักหลังจากคนใน เมื่อบ้านปลอดภัยถูกโจมตี ลีโอและชาร์ลีถูกบังคับให้หลบหนีออกสู่ถนนของวอชิงตัน ดี.ซี. ในคืนที่ทุกอาชญากรรมกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย พวกเขาต้องเผชิญกับโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยฆาตกรสวมหน้ากาก กลุ่มนักท่องเที่ยวสำหรับการฆ่า และกองกำลังพิเศษของ NFFA ที่มุ่งหมายจะสังหารวุฒิสมาชิกให้ได้ ในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มคนธรรมดาที่กลายเป็นฮีโร่ใน 12 ชั่วโมงแห่งความโหดร้าย โจ (ไมเคลที วิลเลียมสัน) เจ้าของร้านขายของชำผู้ต้องปกป้องร้านจากกลุ่มโจรปล้น เลนี่ย์ (เบ็ตตี้ แกเบรียล) หัวหน้าพยาบาลฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจาก Purge และ มาร์กอส (โจเซฟ จูเลียน โซเรีย) พนักงานร้านผู้กล้าหาญ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่เป็นหนังแอ็คชั่นสยองขวัญ แต่ยังเป็นการสะท้อนภาพสังคมอเมริกันในปัจจุบันอย่างแหลมคม โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ และการใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือทางการเมือง การกำกับของเจมส์ เดอโมนาโค สร้างบรรยากาศความตึงเครียดที่เข้มข้น โดยผสมผสานฉากแอ็คชั่นที่ระทึกใจเข้ากับการวิจารณ์สังคม ขณะที่การแสดงของแฟรงค์ กริลโลและอลิซาเบธ มิทเชลล์ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวละครที่ต้องต่อสู้กับระบบที่เสื่อมทราม สิ่งที่น่าสนใจคือ แท็กไลน์ของหนังเรื่องนี้ “Keep America Great” กลับกลายเป็นที่พูดถึงในภายหลัง เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ใช้สโลแกนเดียวกันนี้ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2020 ทำให้หนังเรื่องนี้ดูเหมือนมีลางสังหรณ์ทางการเมืองอันน่าขนลุก “Election Year” ทำรายได้กว่า 118 ล้านเหรียญทั่วโลก กลายเป็นภาคที่ประสบความสำเร็จที่สุดในแฟรนไชส์ ขณะนั้น พิสูจน์ว่าผู้ชมหิวกระหายหนังที่กล้าเอาเรื่องการเมืองมาทำเป็นเรื่องสยองขวัญ เตรียมพบกับคืนที่การเลือกตั้งกลายเป็นเรื่องของชีวิตและความตาย ที่ซึ่งการออกเสียงลงคะแนนไม่ได้หมายถึงการเลือกผู้แทนเท่านั้น แต่เป็นการเลือกระหว่างความอารยะกับความป่าเถื่อน ระหว่างความหวังกับความสิ้นหวัง ในอเมริกาที่ความรุนแรงกลายเป็นนโยบายของรัฐ
แนวหนัง:
สยองขวัญ ระทึกขวัญ การเมือง แอ็คชั่น (Political Horror Thriller, Dystopian Action, Social Commentary)
Be the first to comment