All the Beauty and the Bloodshed (2022) แนน โกลดิน ภาพถ่าย ความงาม ความตาย
All the Beauty and the Bloodshed (2022) แนน โกลดิน ภาพถ่าย ความงาม ความตาย
ในโลกที่ศิลปะและการเมืองเป็นหนึ่งเดียวกัน “All the Beauty and the Bloodshed” นำเสนอมหากาพย์สุดซาบซึ้งของ แนน โกลดิน ช่างภาพระดับตำนานผู้ใช้เลนส์กล้องเป็นอาวุธในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ผ่านการกำกับอันชาญฉลาดของ ลอร่า ปอยทราส ผู้กำกับผู้ชนะรางวัลออสการ์จาก “Citizenfour”เรื่องราวสานต่อกันสองสายหลัก ด้านหนึ่งคือการเดินทางส่วนตัวของแนน โกลดิน จากวัยรุ่นที่กบฏในครอบครัวชั้นกลางชาวยิว ผ่านการสูญเสียพี่สาว บาร์บาร่า ที่ฆ่าตัวตายตอนอายุ 18 ปี จนกระทั่งการดำดิ่งสู่ใต้ดินศิลปะนิวยอร์กในยุค 70-80 ที่เต็มไปด้วยยาเสพติด เซ็กส์ และความรุนแรงในครอบครัวผ่านไสลด์โชว์อันโด่งดัง “The Ballad of Sexual Dependency” แนนได้บันทึกภาพชีวิt จริงของชุมชน LGBTQ+ และกลุ่มชายขอบในลักษณะที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ด้วยการถ่ายภาพที่เปิดเผยและเต็มไปด้วยอารมณ์ เธอได้จับภาพความเปราะบาง ความรัก และความสูญเสียไว้ได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต HIV/AIDS ที่คร่าชีวิตเพื่อนฝูงของเธอไปเป็นจำนวนมากสายเรื่องที่สองคือการต่อสู้อันดุเดือดของเธอกับตระกูล แซคเลอร์ เจ้าของบริษัทยา เพอร์ดิว ฟาร์มา ผู้เป็นต้นเหตุของวิกฤตยาเสพติดโอปิออยด์ในอเมริกา หลังจากที่แนนเองติดยาออกซีคอนติน และเกือบตายจากการเสพเฟนทานิลเกินขนาด เธอจึงก่อตั้งกลุ่ม P.A.I.N. (Prescription Addiction Intervention Now) ในปี 2017สิ่งที่น่าทึ่งคือกลยุทธ์การประท้วงของแนนและทีมงาน พวกเขาเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะชื่อดังที่รับทุนจากตระกูลแซคเลอร์ และจัดการประท้วงแบบ “die-in” โดยนอนลงบนพื้นเลียนแบบการตายจากยาเสพติด พร้อมทั้งโปรยใบปลิวยาต้านอาการเจ็บปวดรอบตัวพวกเขา การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความตระหนักรู้ แต่ยังบังคับให้สถาบันศิลปะต้องเผชิญหน้ากับความจริงเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุนภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่เป็นสารคดีชีวประวัติธรรมดา แต่เป็นการสำรวจอย่างลึกซึ้งถึงพลังของศิลปะในการรักษาบาดแผลและสร้างการเปลี่ยนแปลง ผ่านภาพถ่ายที่ดิบเถื่อนและสัมภาษณ์ที่ใกล้ชิด ลอร่า ปอยทราส สร้างสรรค์ผลงานที่ทั้งงดงามและเจ็บปวดการเล่าเรื่องผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบันอย่างลื่นไหล จากวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยการสำรวจตัวตนและเพศวิถี ไปจนถึงการเป็นนักกิจกรรมที่ไม่ลดละ ทุกช่วงของชีวิตแนนล้วนเชื่อมโยงกันด้วยความปรารถนาที่จะให้เสียงกับคนที่ถูกเงียบ”All the Beauty and the Bloodshed” ได้รับรางวัล Golden Lion จากเทศกาลภาพยนตร์เวนิส และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขาสารคดียอดเยี่ยม ด้วยคะแนน 95% จาก Rotten Tomatoes สะท้อนถึงความยอดเยี่ยมของผลงานที่ทั้งท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจเตรียมพบกับการเดินทางที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณต่อพลังของศิลปะและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ผ่านเรื่องราวของหญิงคนหนึ่งที่ปฏิเสธจะยอมให้ความทุกข์และการสูญเสียเป็นแค่ความเจ็บปวด แต่กลับเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงโลก
แนวหนัง:
สารคดี ชีวประวัติ ศิลปะ การเคลื่อนไหวทางสังคม (Documentary, Biography, Art Documentary, Social Activism)
Be the first to comment